&&ป่าต้นน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าที่ควรจะสงวนเพื่ออนาคต

[Chigaru]

ป่าต้นน้ำเป็นระบบนิเวศที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสิ่งแวดล้อมและก็ชีวิตผู้คน เป็นต้นตอของแม่น้ำ ลำธาร แล้วก็แหล่งน้ำจืดต่างๆที่หล่อเลี้ยงทั้งระบบนิเวศแล้วก็ชุมชนในพื้นที่ปลายน้ำ การมีอยู่ของป่าต้นน้ำไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมระบบน้ำฝนและจำนวนน้ำในสายธารอย่างสมดุล แต่ยังมีหน้าที่สำคัญสำหรับการป้องกันภัยธรรมชาติ อาทิเช่น อุทกภัย ดินถล่ม และก็การกัดเซาะของหน้าดิน การอนุรักษ์รวมทั้งฟื้นฟูป่าต้นน้ำจึงเปลี่ยนเป็นภารกิจสำคัญของอีกทั้งภาครัฐ ภาคราษฎร รวมทั้งภาคเอกชนที่ตระหนักถึงผลพวงอันรุนแรงที่เกิดจากการทำลายป่าต้นน้ำในอดีตกาล



คลิ๊กอ่านรายละเอียดได้ที่ >> ป่าต้นน้ำ thairakpa.org/about-us/ประวัติมูลนิธิไทยรักษ์/

ป่าต้นน้ำมีหน้าที่สำคัญสำหรับการกักเก็บน้ำฝนผ่านรากไม้และชั้นดินอุดมสมบูรณ์ เมื่อฝนตกลงมา น้ำจะถูกซับแล้วก็สะสมไว้ภายในดิน ก่อนที่จะเบาๆไหลออกมาเป็นลำน้ำและก็แม่น้ำในฤดูแล้ง การมีพืชพรรณมากมายและก็องค์ประกอบป่าที่สมบูรณ์ช่วยให้ขั้นตอนการนี้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และก็ลดการเสี่ยงจากเภทภัยทางธรรมชาติ หากว่าไม่มีป่าต้นน้ำ น้ำฝนจำนวนไม่ใช่น้อยจะไหลล้นลงสู่พื้นที่ราบอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งน้ำท่วมกะทันหัน ในขณะที่ในฤดูแล้งกลับไม่มีน้ำเพียงพอใช้ในภาคการเกษตรรวมทั้งการดำรงอยู่ของชุมชน

ความสำคัญของป่าต้นน้ำยังเกี่ยวเนื่องถึงความหลากหลายทางชีวภาพ โดยยิ่งไปกว่านั้นในพื้นที่เทือกเขาสูงและก็เขตป่าดิบเขา ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า พืชพรรณ รวมทั้งจุลอินทรีย์ที่หาได้ยากในระบบนิเวศอื่นๆนอกจากนี้ป่าต้นน้ำยังมีหน้าที่สำหรับในการรักษาสมดุลของอุณหภูมิแล้วก็ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ช่วยซับแก๊สสภาวะเรือนกระจก แล้วก็ลดผลพวงจากความเคลื่อนไหวลักษณะภูมิอากาศ การมีอยู่ของป่าต้นน้ำก็เลยไม่ใช่เพียงการดูแลและรักษาแหล่งน้ำแค่นั้น แม้กระนั้นเป็นการปกป้องรักษาระบบนิเวศทั้งสิ้นในระดับภูมิภาคแล้วก็สุดยอด

เมืองไทยมีป่าต้นน้ำอยู่หลายที่ เป็นต้นว่า รอบๆภาคเหนือของประเทศ ซึ่งฯลฯเกิดของแม่น้ำสำคัญหลายสาย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำปิง หรือแม่น้ำโขง พื้นที่กลุ่มนี้พบเจอกับแรงกดดันจากการขยายตัวของชุมชน การเกษตรเชิงโดดเดี่ยว และก็กิจกรรมที่บุกรุกพื้นที่ป่า การตัดต้นไม้ทำลายป่าไม้และเผาป่าส่งผลให้ระบบนิเวศของป่าต้นน้ำเสียอย่างเร็ว มีผลเสียโดยตรงต่อพลเมืองที่อยู่ในพื้นที่ปลายน้ำ ทั้งในด้านคุณภาพชีวิต การเกษตร แล้วก็เศรษฐกิจโดยรวม การมีนโยบายแล้วก็แผนสงวนที่ยืนยงจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาตินี้ไว้ให้คนรุ่นใหม่

การบูรณะป่าต้นน้ำมิได้เป็นการปลูกต้นไม้เท่านั้น แต่ว่ายังรวมทั้งการฟื้นฟูระบบนิเวศในภาพรวม การช่วยสนับสนุนการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม การอนุรักษ์พันธุ์ไม้พื้นถิ่น แล้วก็การมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่อย่างเอาจริงเอาจัง หลายองค์กรในประเทศไทยรวมทั้งภาคประชาสังคม ตัวอย่างเช่น มูลนิธิไทยรักษ์ ได้ดำเนินแผนการฟื้นฟูป่าต้นน้ำในหลายพื้นที่ ด้วยแนวทางการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน การปลูกป่าด้วยพืชหลายประเภทที่เหมาะสมกับพื้นที่ และการให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของป่าต้นน้ำ ก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจและก็ความร่วมมือที่แท้จริงระหว่างคนกับธรรมชาติ

ป่าต้นน้ำยังสามารถเป็นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนได้อย่างยั่งยืน ได้แก่ วิธีการทำเกษตรอินทรีย์ภายใต้ร่มเงาป่า แนวทางการทำสินค้าจากสมุนไพรประจำถิ่น หรือแม้กระทั้งการท่องเที่ยวเชิงสงวน ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลที่ครัดเคร่งและก็การบริหารจัดแจงที่สมดุล เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนระบบนิเวศหรือส่งผลกระทบเชิงลบต่อธรรมชาติ การพัฒนาเชิงพื้นที่ที่อิงกับป่าต้นน้ำจึงต้องมีความเข้าใจทั้งยังในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และก็สังคมควบคู่กันไป

ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะยิ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำรวมทั้งสภาพแวดล้อมอย่างหนักมากขึ้น การมีป่าต้นน้ำที่สมบูรณ์ก็เลยเป็นแนวคุ้มครองตามธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม การลงทุนในระบบนิเวศเหล่านี้ผ่านการอนุรักษ์และรักษา ฟื้นฟู และก็ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่ช่วยให้ประเทศมีน้ำใช้ตลอดปี แต่ยังเป็นการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของพลเมืองอย่างแท้จริง การรักษาป่าต้นน้ำก็เลยเป็นภารกิจร่วมกันที่ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามามีบทบาท ทั้งยังในระดับหลักการ ระดับพื้นที่ แล้วก็ระดับปัจเจกชน

ด้วยเหตุว่าป่าต้นน้ำไม่ใช่แค่แหล่งกำเนิดน้ำเท่านั้น แต่ว่าเป็นหัวใจของชีวิตรวมทั้งระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันอย่างสนิทแน่น การป้องกันรวมทั้งอนุรักษ์ป่าต้นน้ำก็เลยไม่ใช่หน้าที่ของคนไหนผู้ใดผู้หนึ่ง แต่เป็นพันธกิจด้วยกันของมนุษยชาติที่จำเป็นต้องลงมือกระทำก่อนที่จะทรัพยากรอันล้ำค่านี้จะแตกสลายไปอย่างไม่มีวันหวนคืน.



Source: บทความ  ป่าต้นน้ำ thairakpa.org/about-us/ประวัติมูลนิธิไทยรักษ์/[/size]